ถ้าไม่อยากร้องไห้กับหมอนจดไว้เลยว่า เมื่อต้องกินอาหารก่อนออกกำลังกาย คุณควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น อาหารประเภทผลไม้ กล้วย แอปเปิ้ล ขนมปังปิ้ง ขนมปังโฮลวีต แครกเกอร์ หรือน้ำผลไม้ ในปริมาณที่พอเหมาะก็คือควรได้พลังงานคาร์โบไฮเดรต 200-300 กรัมในช่วงเวลา 3-4 ชั่วโมงก่อนการออกกำลังกาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายยืนยันแล้วว่า การออกกำลังกายทำให้ไกลโคลเจนที่สะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อถูกใช้ไปจึงต้องมีการสะสมขึ้นมาใหม่ทดแทน หลังการออกกำลังกายประมาณ 30 นาที ร่างกายจึงควรได้รับคาร์โบไฮเดรตอย่างน้อย 50 กรัม และโปรตีนอีก 15-20 กรัม เพื่อทำให้สะสมไกลโคลเจนได้เร็วขึ้น และซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น อาหารหลังออกกำลังกายจึงควรเป็นประเภทย่อยง่าย เช่น นม ช็อกโกแลตไขมันต่ำ ขนมปังโฮลวีต น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย น้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น
ในคนปกติอาจจะดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร แต่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว คุณอาจจะต้องดื่มน้ำให้ได้ถึงวันละ 3 ลิตรเลยทีเดียว เพราะในขณะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ร่างกายจะใช้พลังงานที่เกิดจากการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ผลจากกระบวนการเผาผลาญดังกล่าว ทำให้ร่างกายถ่ายเทความร้อนออกนอกร่างกาย โดยการขับเหงื่อออกมาทางรูขุมขนบนผิวหนัง ถ้าหากร่างกายสูญเสียเหงื่อจากการออกกำลังกายไปมาก ร่างกายก็จะขาดน้ำมาก ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายแปรปรวนได้
ข้อสำคัญที่เราควรใส่ใจเรื่องการดื่มเป็นพิเศษก็คือ ก่อนออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง เราควรดื่มน้ำอย่างน้อยประมาณ 2 แก้ว แต่ไม่ควรเกิน 6 แก้ว ทำไมนะหรือ ก็เพราะกระเพาะอาหารของคนเรามีความสามารถในการดูดซึมน้ำ ได้ไม่เกิน 6 แก้ว ในเวลา 1 ชั่วโมง ส่วนช่วงเวลาระหว่างออกกำลังกายนั้น เราไม่ควรดื่มในปริมาณที่มากจนเกิดปัญหาแน่นจุกท้อง ผู้เชี่ยวชาญแนะให้จิบน้ำไม่เกินครึ่งแก้ว เพื่อแก้กระหายระหว่างออกกำลังกาย ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก
สสส