Articles

ริมฝีปาก..บอกอะไรคุณ

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

ถ้านึกถึงริมฝีปาก สาวๆ คงนึกถึงแต่เรื่องความสวยความงาม แต่นอกจากนั้นริมฝีปากยังสามารถบอกผลกระทบกับสุขภาพได้อีกด้วย ลองมาสังเกตุริมฝีปากของคุณดูนะคะ เพราะมันอาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้

ริมฝีปากบวม ไม่ใช่ไปคิดว่าจะเซ็กซี่แบบสาวแองเจลีนา โจลี แน่นอน เพราะริมฝีปากบวมบางครั้งมีสาเหตุมาจากโรคลำไส้อักเสบที่ชื่อว่า “โครห์น” ปกติจะทำให้เกิดการบวมในลำไส้ ซึ่งอาการสามารถปะทุรุนแรงขึ้นที่บริเวณท่อน้ำเหลืองหรือจุดใดจุดหนึ่งของร่างกาย นอกจากนี้ริมฝีปากบวมยังสามารถบ่งบอกถึงความไวต่ออาหารบางชนิดได้เช่นกัน เช่น อาหารเผ็ด

ริมฝีปากเป็นแผล

รอยแตกที่ด้านข้างของปาก (โรคแผลที่มุมปาก) บางครั้งเกิดจากโรคโลหิตจาง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการขาดแคลนธาตุเหล็กในร่างกาย และรอยแตกยังสามารถเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูง ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับ โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในกลุ่มยีสต์ ที่มีชื่อว่า Candida ซึ่งมักจะทำปฏิกิริยาขึ้นบริเวณผิวหนังที่บาง เช่น มุมปากเป็นต้น

รอยไหม้บนริมฝีปาก แบบนี้อาจจะเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้า เนื่องจากในสมองมีประสาทสัมผัสจำนวนมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความละเอียดอ่อนที่มากเกินไป จึงทำให้เกิดความไม่สมดุลขึ้นในจิตใจ และส่งผลให้ริมฝีปากมีรอยไหม้นั่นเอง

ริมฝีปากแตก คุณจะรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อริมฝีปากมีรอยแตก ซึ่งมันสามารถบอกได้ว่าคุณเป็นโรคภูมิแพ้ และรอยแตกนี้ทำให้ริมฝีปากบวมได้เช่นกัน โดยมีสาเหตุมาจากผิวหนังที่แห้งแตกและลอก หรือการระคายเคืองที่อาจจะมาจากถุงมือแพทย์ ลิปสติก หรือเปลือกถั่วลิสงที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้นคุณควรใส่ใจกับเครื่องสำอาง […]

ปวดท้อง..ลางบอกโรคร้ายของคุณ

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

ใครทีมักจะปวดท้องบ่อยๆ แต่ไม่ว่าปวดท้องเพราะอะไรอาจเป็นสัญญาณอันตรายโดยไม่รู้ตัว ถ้าปล่อยไว้เห็นทีจะไม่ดีแน่ ลองมาดูวิธีการเช็คโรคจากอาการปวดท้องเป็นเกร็ดความรู้กันสักหน่อยดีกว่า

 

การเช็คอาการปวดท้องโดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณาจากตำแหน่งของอวัยวะและลักษณะของอาการปวดเพื่อประกอบการวินิจฉัย เช่น ปวดแบบเป็นๆ หายๆ ปวดหลังรับประทานอาหาร หรือหิวก็ปวด อิ่มก็ปวด เหล่านี้จะเป็นแนวทางช่วยให้ทราบอาการปวดท้องได้ “ตรงจุด” มากขึ้น

 

หากปวดท้องด้านขวาตอนบน ความเจ็บปวดในบริเวณด้านขวาตอนบนของช่องท้องมันเกิด จากโรคตับและถุงน้ำดี หรือในบางครั้งโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นบริเวณส่วนท้องน้อยก็เป็นได้ แต่ถ้าปวดท้องบริเวณแอ่งกระเพาะอาหาร คือ บริเวณที่อยู่ใต้ซี่โครงลงมา การเจ็บปวดบริเวณนี้มักเกิดจากการแสบกระเพาะอาหารและอาหารไม่ย่อย โรคกระเพาะและลำไส้อักเสบอาจเกิดขึ้นในบริเวณนี้ได้ เช่นเดียวกัน แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร นั่นอาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ

 

แต่ถ้าหากปวดท้องด้านขวาตอนล่างอาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ ที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่ถ้าหากปวดท้องส่วนกลางส่วนใหญ่มักเกิดจากสาเหตุที่มาจากโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้อาการปวดท้องที่บริเวณนี้อาจเกิดจากไส้ติ่งอักเสบ ซึ่งมักเริ่มที่บริเวณนี้ก่อนเสมอ แล้วจึงเลื่อนมาเป็นบริเวณท้องน้อย

 

ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง อาการปวดที่เป็นลักษณะปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงตันหรือที่เรียกกันว่าไส้ตันเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)

 

[…]

ดื่มชาแทนเหล้าต้อนรับปีใหม่

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฯ ออกโรงแนะชาวบ้านเลิกกินเหล้ารับปีใหม่ หันดื่มชาพันธุ์ดีของเชียงรายแทน สกัดอุบัติเหตุ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งอีกทาง ย้ำมีแต่ได้กับได้

 

นายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวดื่มเหล้าคลายหนาวแล้วเสียชีวิตว่า การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายความหนาวถือเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น จะมีผลเสียต่อร่างกาย และเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตมากขึ้น เพราะความเย็นจะทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตมีความหนืดขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ดื่มเหล้าช็อกเสียชีวิตง่ายขึ้น ขณะเดียวกันการดื่มเหล้าจะทำให้ปัสสาวะมากร่างกายจึงสูญเสียน้ำมาก และทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายลดลง รวมทั้งเกิดอุบัติเหตุอันเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตกันมากในช่วงเทศกาลด้วย

 

นายแพทย์ชำนาญ กล่าวอีกว่า ขอแนะนำให้ประชาชนหันมาดื่มชาแทนการดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดีกว่า เนื่องจากใบชามีประโยชน์มากมาย การดื่มน้ำชาร้อนๆ จะช่วยคลายความหนาวเย็นได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ อีกด้วย ที่สำคัญยังช่วยทำให้มีอายุยืน

 

นอกจากนั้นแล้วชายังช่วยลดโคเลสเตอรอล และช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด ซึ่งมีงานวิจัยยืนยันได้ว่า ในใบชาเป็นแหล่งรวมของสารต้านอนุมูลอิสระหรือแอนตี้ออกซิแด้นท์โพลีฟินอล เช่น คาเตชิน เควอซิทิน ฯลฯ โดยหลังจากที่ดื่มชาประมาณ 30-50 นาที การทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในเลือดจะพุ่งพรวดขึ้นไปร้อยละ 41-48 และคงอยู่นานประมาณ 80 นาที มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้อนุมูลอิสระที่เป็นภัยต่อร่างกายถูกขจัดไปเป็นจำนวนมาก […]

ระวังอาหารเป็นพิษช่วงปีใหม่

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

รมช.สธ. เผยช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงที่ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านและมีการเลี้ยงสังสรรค์กันบ่อยในทุกพื้นที่ ขอประชาสัมพันธ์ เตือนประชาชนให้ระวังการเกิดอันตรายจากเชื้อโรคอาหารเป็นพิษ รวมถึงแนะกินอาหารปรุงสุก สะอาด และวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อเกิดอาการ ส่วนพ่อค้าแม่ค้าอย่าหยิบจับอาหารโดยตรงด้วยมือเปล่า และไม่ใช้อุปกรณ์สัมผัสอาหารดิบและสุกร่วมกัน

นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีจะมีประชาชนจำนวนมากที่ทำงานเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในจังหวัดต่าง ๆ เดินทางกลับภูมิลำเนา ประชาชนจำนวนมากต้องใช้บริการรถโดยสารประจำทางหรือรถไฟที่สถานีขนส่งผู้โดยสารและสถานีรถไฟ ในระหว่างรอรถโดยสารจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยเข้าไปรับประทานอาหารในศูนย์อาหารหรือร้านอาหารที่มีอยู่ในทุกสถานีหรือซื้ออาหารไปรับประทานในระหว่างเดินทาง ซึ่งถ้าอาหารนั้นไม่สะอาดมีเชื้อโรคปนเปื้อน ผู้บริโภคอาหารนั้นจะมีอาการปวดท้อง ท้องร่วง ท้องเสีย หรือมีอาการรุนแรงถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิต ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง

ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังความปลอดภัยอาหาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารขนาดใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ ประจำปี 2555 เพื่อแจ้งเตือนภัยและให้ข้อมูลในการประกอบอาหารหรือเลือกรับประทานอาหารได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการตรวจวิเคราะห์หาจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคในอาหารพร้อมบริโภค รวมจำนวน 76 ตัวอย่าง โดยตรวจหาเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เชื้อซัลโมเนลลา (Salmonella spp.) เชื้อวิบริโอ […]

การกินดื่มที่ถูกต้องก่อนออกกำลังกาย

Tweet !function(d,s,id){var js,fjs=d.getElementsByTagName(s)[0];if(!d.getElementById(id)){js=d.createElement(s);js.id=id;js.src=”//platform.twitter.com/widgets.js”;fjs.parentNode.insertBefore(js,fjs);}}(document,”script”,”twitter-wjs”);

 

ถ้าไม่อยากร้องไห้กับหมอนจดไว้เลยว่า เมื่อต้องกินอาหารก่อนออกกำลังกาย คุณควรเลือกอาหารที่ย่อยง่าย เช่น อาหารประเภทผลไม้ กล้วย แอปเปิ้ล ขนมปังปิ้ง ขนมปังโฮลวีต แครกเกอร์ หรือน้ำผลไม้ ในปริมาณที่พอเหมาะก็คือควรได้พลังงานคาร์โบไฮเดรต 200-300 กรัมในช่วงเวลา 3-4 ชั่วโมงก่อนการออกกำลังกาย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายยืนยันแล้วว่า การออกกำลังกายทำให้ไกลโคลเจนที่สะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อถูกใช้ไปจึงต้องมีการสะสมขึ้นมาใหม่ทดแทน หลังการออกกำลังกายประมาณ 30 นาที ร่างกายจึงควรได้รับคาร์โบไฮเดรตอย่างน้อย 50 กรัม และโปรตีนอีก 15-20 กรัม เพื่อทำให้สะสมไกลโคลเจนได้เร็วขึ้น และซ่อมแซมกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น อาหารหลังออกกำลังกายจึงควรเป็นประเภทย่อยง่าย เช่น นม ช็อกโกแลตไขมันต่ำ ขนมปังโฮลวีต น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย น้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น

ในคนปกติอาจจะดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร แต่สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้ว คุณอาจจะต้องดื่มน้ำให้ได้ถึงวันละ 3 ลิตรเลยทีเดียว […]